ศิษย์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ครูจำเป็นต้องรู้จักศิษย์ในศตวรรษที่ 21 เพื่อหาวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับศิษย์
ที่เป็นเด็กสมัยใหม่ซึ่งมีทักษะที่หลากหลายโดยแบ่งปัจจัยด้านการเรียนรู้มี
5 ประการคือ
1.Authentic learning
2.Mental model building
3.Internal motivation
4.Multiple intelligence
5.Social learning
1.Authentic learning
2.Mental model building
3.Internal motivation
4.Multiple intelligence
5.Social learning
ดังนั้นการสอนแบบ “ครูเพื่อศิษย์” ต้องออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์ได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริง
ทักษะการดำรงชีวิต
21st Century Skills
ครูต้องฝึกฝนตนเองให้มีทักษะ เพื่อจุดประกายความสนใจใฝ่รู้
(inspire) อำนวยความสะดวก ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง (learning
by doing) ทำให้เกิดการเรียนจากภายในและสมอง
ที่เรียกว่า PBL (Project-Based Learning)
ทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ได้แก่
สาระวิชาหลัก เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
หัวข้อสำหรับศตวรรษที่ 21 เช่น ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม การเงิน
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม เช่น ความริเริ่มสร้างสรรค์
สาระวิชาหลัก เช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
หัวข้อสำหรับศตวรรษที่ 21 เช่น ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม การเงิน
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม เช่น ความริเริ่มสร้างสรรค์
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี
ทักษะชีวิตและอาชีพ เช่น ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (responsibility)
ทักษะชีวิตและอาชีพ เช่น ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (responsibility)
การศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ คือ 3R x 7C
3R ได้แก่ Reading , (W)Riting
และ (A)Rithmetics
7C ได้แก่
Critical thinking & problem solving
Creativity & innovation
Cross-cultural understanding
Collaboration, teamwork & leadership
Communications, information & media literacy
Computing & ICT literacy
Career & learning skills
นอกจากนี้ครูเพื่อศิษย์จะต้องหาทางออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์ได้พัฒนาสมอง ๕ ด้าน ได้แก่
1.สมองด้านวิชาและวินัย (disciplined mind)
2.สมองด้านสังเคราะห์ (synthesizing mind)
3.สมองด้านสร้างสรรค์ (creating mind)
ศัตรูสำคัญที่สุดของความคิดสร้างสรรค์ คือ การเรียนแบบท่องจำ
4.สมองด้านเคารพให้เกียรติ (respectful mind)
5.สมองด้านจริยธรรม (ethical mind)
7C ได้แก่
Critical thinking & problem solving
Creativity & innovation
Cross-cultural understanding
Collaboration, teamwork & leadership
Communications, information & media literacy
Computing & ICT literacy
Career & learning skills
นอกจากนี้ครูเพื่อศิษย์จะต้องหาทางออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์ได้พัฒนาสมอง ๕ ด้าน ได้แก่
1.สมองด้านวิชาและวินัย (disciplined mind)
2.สมองด้านสังเคราะห์ (synthesizing mind)
3.สมองด้านสร้างสรรค์ (creating mind)
ศัตรูสำคัญที่สุดของความคิดสร้างสรรค์ คือ การเรียนแบบท่องจำ
4.สมองด้านเคารพให้เกียรติ (respectful mind)
5.สมองด้านจริยธรรม (ethical mind)
แนวคิดการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์
Teach
Less, Learn More คือ
ครูสอนน้อยลง แต่ออกการเรียนรู้ให้เด็กเรียนจากกิจกรรม (PBL-Project-Based
Learning)
เครื่องมือสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
และการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ คือ คำถามกับปัญหา ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกตั้งคำถามแบบ Why? Or How? ไม่ตั้งความหวังสูงว่าเด็กต้องได้คำตอบที่ถูก
วิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ที่ทำให้เกิดความสนุกนานตื่นเต้น กระตุ้นจินตนาการ
และสร้างบรรยากาศในห้องเรียนไม่ให้น่าเบื่อ
การเรียนรู้อย่างมีพลัง มีหลักสำคัญคือนักเรียนกับครูต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน
จักรยานแห่งการเรียนรู้ มีหลักสำคัญคือนักเรียนกับครูต้องเรียนรู้ไปด้วยกันมีวงล้อ 2วง ประกอบด้วย 4 ส่วน คือDefine คือ ขั้นตอนการทำโครงงานทำให้เกิดคำถาม ประเด็น ปัญหา
Plan คือ การวางแผนการทำโครงงาน นักเรียนต้องคิดแก้ปัญหาโดยที่ครูต้องไม่เข้าไปช่วยเหลือ แต่อาจชี้เเนะประเด็นสำคัญที่นักเรียนมองข้าม
Do คือ การลงมือทำโดยใช้ทักษะต่างๆ มาแก้ปัญหา ครูเพื่อศิษย์จะคอยสังเกตศิษย์เป็นรายคน
Review คือ ทบทวนการเรียนรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลงข้อมูลกัน ขั้นตอนนี้เป็นการเรียนรู้แบบ reflection
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมี Presentation ที่เป็นขั้นต่อเนื่องจาก Review โดยอาจเขียนเป็นรายงาน และนำเสนอเป็นเพาเวอร์พอยท์ (Powerpoint)
การเรียนรู้อย่างมีพลัง (2)
การเรียนรู้แบบ PBL (Project-Based
Learning) ทำให้เด็กเกิดแรงจูงใจ
(motivation) ในการเรียน และจดจ่ออยู่กับการเรียน
จิตวิทยาการเรียนรู้สำหรับครูเพื่อศิษย์
การเรียนรู้ที่แท้จริง
หมายถึง ผู้เรียนซึมซับเข้าไปไว้ในความจำ มีทักษะสำคัญ คือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งเกิดจากความรู้ (background knowledge)
จากความจำระยะยาว นำมาใช้โดยไม่ต้องผ่านการคิด
นั่นคือ ความจำกับทักษะและปัญญากลายเป็นสิ่งเดียวกันที่สำคัญครูควรให้เด็กเรียนรู้โดยการค้นคว้า
(discovery
learning) ร่วมกับการทบทวนไตร่ตรอง (reflection) หลังบทเรียน
สอนให้เหมาะต่อความแตกต่างของศิษย์
ครูผู้สอนต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
ว่าผู้เรียนนั้นมีความสามารถไม่เท่ากัน
ครูจำเป็นต้องเลือกกิจกรรมและเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียน การจัดการเรียนการสอนในเรื่องนี้ เป็นโอกาสที่ครูเพื่อศิษย์จะฝึกฝนทักษะด้านการวิจัยปฏิบัติการของตน
และเพื่อประยุกต์ใช้ในการทำงาน
ฝึกฝนตนเอง
ครูต้องฝึกฝนตนเองด้วยการเรียนรู้ ทดลองใช้ทฤษฎีใหม่ๆ
และวิธีการที่ใช้ในการทำหน้าที่ “ครูฝึก” ให้ศิษย์ได้ฝึกทักษะนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของทักษะชีวิตของพวกเขาด้วย
และต้องได้รับผลสะท้อนกลับมา (feedback) ให้เห็นจากศิษย์และเพื่อนครูด้วยกัน ที่จะช่วยปรับปรุงการสอนซึ่งกันและกัน ละย่อมมีประโยชน์ต่อทั้งชีวิตการเป็นครู และต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
และต้องได้รับผลสะท้อนกลับมา (feedback) ให้เห็นจากศิษย์และเพื่อนครูด้วยกัน ที่จะช่วยปรับปรุงการสอนซึ่งกันและกัน ละย่อมมีประโยชน์ต่อทั้งชีวิตการเป็นครู และต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
บันเทิงชีวิตครูสู่ชุมชนการเรียนรู้
PLC (Professional Learning Community) คือ
เครื่องมือสำหรับให้ครูรวมตัวกันเป็นชุมชน(community) เช่น การนำประสบการณ์การจัดการเรียนรู้แบบ PBL (Project-Based Learning) มาแลกเปลี่ยนกัน เกิดการสร้างความรู้
และยกระดับความรู้จากประสบการณ์ตรง นำมาจัดการเรียนเสริมแก่ศิษย์ที่เรียนไม่ทันเพื่อให้กลับมาเรียนทันโดยมีเป้าหมายหลักที่ผลการเรียนรู้ของนักเรียน
แต่ที่จริงแล้วยังมีผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงโรงเรียน (school transformation)
อีกด้วย นั่นคือ วิธีทำงานเปลี่ยนไป
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเปลี่ยนไป เปลี่ยนระดับจิตวิญญาณและวัฒนธรรมองค์กร
โดยสรุป PLC จะเปลี่ยนแปลงนักเรียน ครู
ผู้บริหาร และโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ที่ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุข (Happy
Workplace)
เรื่องเล่าตามบริบท
เตรียมทำการบ้านเพื่อการเป็นครู
ครูเพื่อศิษย์ต้องหาวิธีทำให้ศิษย์เชื่อว่าความสำเร็จเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
สร้างแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่นในการเรียน และชีวิตในอนาคต
บุคลิกภาพในการสร้างความสัมพันธ์กับเด็กต้องมีความเป็นธรรมชาติ
พูดจาไพเราะ แต่งกายให้เรียบร้อย เหมาะสมกับกาลเทศะ เพื่อสร้างบรรยากาศในห้องเรียน
ให้ได้ความไว้วางใจจากให้ศิษย์
การกำหนดบุคลิกของครูไว้ให้ชัดเจน
ในการใช้บุคลิกนั้นให้เกิดประโยชน์ต่อการ
สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
ไว้เนื้อเชื่อใจกันกับเด็ก จากประสบการณ์ส่วนตัวของครูเลาแอนน์ คือ การแต่งกายของครูบอกบุคลิก
อารมณ์ เมื่อครูแต่งสูท นักเรียนจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่เป็นทางการ
หากครูสวมเสื้อยืด เด็กจะรู้สึกว่าเป็นวันผ่อนคลาย
สอนศิษย์กับสอนหลักสูตรแตกต่างกัน
“การสอนตามหลักสูตรไม่ใช่การสอนที่แท้จริง” (covering curriculum is
not teaching)เลือกสาระส่วนที่คิดว่าสำคัญที่สุด
และสอนให้เด็กเข้าใจ อย่าพยายามสอนทุกเรื่อง
ให้เลือกเฉพาะส่วนที่เป็นหลักการและทักษะที่สำคัญที่สุด และสอนให้นักเรียนรู้วิธีเรียน
ถ้อยคำที่ก้องอยู่ในหูเด็ก
อย่าคิดว่าคำพูดที่ครูพูดแบบไม่ตั้งใจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเด็ก
คำพูดเชิงบวก
ต่อเด็กมีผลต่อการสร้างพลังในชีวิตของเด็ก
และในทางตรงกันข้าม คำพูดเชิงลบสามารถทำลายชีวิตเด็กได้มากเช่นกัน
เตรียมตัว
เตรียมตัว และเตรียมตัว
ครูต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าพื่อให้พร้อมที่สุดกับการจัดการชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียนมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมที่จะเรียน
จัดเอกสารและเตรียมตนเอง
การเตรียมตัวจัดระบบเอกสารช่วยให้ครูมีระบบ
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำสัปดาห์แรกให้เป็นสัปดาห์แห่งความประทับใจ
เริ่มวันแรกด้วยรอยยิ้มให้เป็นสัปดาห์แห่งความประทับใจของนักเรียน
การสร้างความประทับใจอีกอย่างหนึ่ง คือ การสอบตนเองในการจำชื่อศิษย์เป็นรายคน เมื่อจบชั้นเรียน
ครูอาจลืมบางชื่อไปแล้ว แต่ในวันรุ่งขึ้นเมื่อครูจำชื่อผิด หรือลืม เด็กจะไม่ถือสา
กลับเป็นที่เฮฮา และเด็กก็ได้เรียนรู้ว่าการทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ
เป็นเรื่องปกติในชีวิตจริง
เตรียมพร้อมรับ
“การทดสอบครู” และสร้างความพึงใจแก่ศิษย์
ครูจึงต้องเตรียมพร้อมเผชิญพฤติกรรมแปลก
ๆ ซึ่งบางกรณีเป็นการท้าทายความ สามารถของครู สิ่งสำคัญคือ ครูต้องไม่ทะเลาะกับเด็ก
ไม่โต้แย้งกับเด็กต่อหน้าเพื่อน ๆ อย่ารังเกียจตัวเด็ก ให้รังเกียจตัวพฤติกรรม
และหาทางช่วยเหลือเด็กให้หลุดพ้นจากพฤติกรรมนั้น นี่คือหลักของ “ครูเพื่อศิษย์”
วินัยไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ
วินัยมี 2 ด้าน คือ วินัยเชิงลบจะสร้างความรู้สึกต่อต้านในใจเด็ก ทำให้เด็กเบื่อเรียนและเสียคน และวินัยเชิงบวกจะช่วยลดความกลัวหรือวิตกกังวลช่วยให้เด็กเรียนรู้ฝึกฝนตนเองได้เต็มที่
วินัยมี 2 ด้าน คือ วินัยเชิงลบจะสร้างความรู้สึกต่อต้านในใจเด็ก ทำให้เด็กเบื่อเรียนและเสียคน และวินัยเชิงบวกจะช่วยลดความกลัวหรือวิตกกังวลช่วยให้เด็กเรียนรู้ฝึกฝนตนเองได้เต็มที่
สร้างนิสัยรักเรียน
เป็นหน้าที่ของ “ครูเพื่อศิษย์” คือ สร้างนิสัยรักเรียน
ซึ่งสำคัญกว่าการรู้เนื้อหาวิชา
การอ่านเป็นพื้นฐานทักษะในด้านต่างๆ โดยการสร้างนิสัยรักการอ่าน
ไม่บังคับแต่ทำให้การอ่านเป็นเรื่องสนุก
ศิราณีตอบปัญหาครูและนักเรียน
ปัญหาของครูมีสารพัดด้าน ทั้งปัญหาจากตนเอง จากนักเรียน
จากระบบบริหารโรงเรียน จากเพื่อนครู จากพ่อแม่ผู้ปกครอง ทั้งหมดนั้นคือ
ประเด็นเรียนรู้ของครู เป็นชีวิตจริงที่ครูจะต้องเผชิญและทำให้ประสบการณ์เหล่านั้นเป็นผลเชิงบวกต่อชีวิตของตนเอง
ประหยัดเวลาและพลังงาน
แผนการสอนต้องมีความยืดหยุ่น และประหยัดเวลาจะช่วยให้ครูทำงานอย่างมีระบบ
มอบโจทย์ให้นักเรียนฝึกทำ (Independent
Assignment) ครูต้องฝึกฝนเรียนรู้วิธีกำหนดโจทย์ให้เหมาะแก่นักเรียน
ไม่ง่ายเกินไปและไม่ยากเกินไป
ยี่สิบปีจากนี้ไป
“ครูอาจจำนักเรียนไม่ได้ แต่นักเรียนจะจำครูได้” การเป็นครูเพื่อศิษย์ให้คุณค่าและการตอบแทนต่อชีวิตมากกว่าสิ่งตอบแทนที่เป็นวัตถุหลายเท่า
กระบวนการสร้างครูที่เพลินกับการพัฒนา PBL + PLC ฉบับญี่ปุ่น
เป็นการปฏิรูปการเรียนรู้ในแนวทางที่เรียกว่า lesson study + open approach ใช้มากว่า 1๐๐
ปี
มองอนาคตปฏิรูปการศึกษาไทย
การเปลี่ยนเป้าหมายของการเรียนรู้ จากเน้นเพียงให้รู้วิชา เป็นรู้วิชาและมีการพัฒนาทักษะที่ซับซ้อนขึ้น ที่เรียกว่า
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ควบคู่กันไป
สิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา
1. ยกเลิกระบบการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของครู
(คศ.) มาเป็นเลื่อนตำแหน่งโดยใช้ผลสัมฤทธิ์ของลูกศิษย์ตามการทดสอบระดับชาติ
2.เน้นการมี PLC (Professional
Learning Community) ระดับโรงเรียน
ระดับเขตการศึกษา และระดับประเทศ
3.ปราบปรามคอรัปชั่นเรียกเงินในการบรรจุหรือโยกย้ายครู
โดยต้องออกกฎหมายให้ลงโทษรุนแรงขึ้น
4.เน้นที่การเรียนรู้เป็นกลุ่ม(learning) ของครู ไม่ใช่เน้นที่การฝึกอบรม (training)
5.แลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยเชิญครูที่มีผลงาน
โรงเรียนที่มีผลงาน และเขตการศึกษาที่มีผลงาน มาเล่าแรงบันดาลใจ วิธีการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
6.ยกระดับข้อสอบให้ทดสอบการคิดที่ซับซ้อน
7.ส่งเสริมการเรียนแบบ PBL (Project-Based
Learning) เป็นเครื่องมือให้นักเรียนเรียนรู้ในมิติที่ลึกและซับซ้อน
ตามแนวทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น